How old am I ?

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันนี้ป่าป๊า กะ หม่าม๊า ตกลงกันว่าจะพาอิงอุ่นไปถ่ายรูปเพื่อตรวจสุขภาพเป็นครั้งสุดท้ายก่อนคลอด

กิจกรรมก็เริ่มตั้งแต่ ป่าป๊าไปซื้อข้าวเช้าให้หม่าม๊า กินก่อน เพราะหม่าม๊าเริ่มเดินลำบากแล้ว (ก็หนูตัวใหญ่ขึ้น บ้างครั้งก็ดิ้นดุกดิก ทำให้หม่าม๊าเสียหลักอยู่บ่อยๆ) จากนั้นก็ออกจากบ้านกันไปแต่เช้า ถึง รพ.พญาไท 2 ประมาณ 08.50 น แต่พี่พยาบาลบอกว่าหมอจะมา ตอน 9 โมงกว่าๆ ก็เลยต้องรอหน่อยนึง

ระหว่างรอก็มีรถเข็น โอวันติน กาแฟ มาบริการ หม่าม๊าก็สั่งโอวันติน ไปหนึ่งแก้ว แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ตรวจปัสสาวะเลย หม่าม๊า ก็เลยไปต่อรอง กับ พี่พยาบาลว่าวันนี้ขอไม่ตรวจแล้วกัน เพราะเพิ่งตรวจไปเมื่อ 2 วันที่แล้ว (แต่ไม่ยอมบอกว่าผลมีน้ำตาล +2 แล้วกลัวจะ +2 ต่อเนื่อง) หม่าม๊านี้ฉลาดจริงๆ




พอถึงเวลา อาหมอ ก็มาถ่ายรูป ให้อิงอุ่น เป็นเวลา กว่า 30 นาที โดยไม่ค่อยอธิบายอะไรให้ป่าป๊ากะหม่าม๊าฟังเลย หนูก็พยายามทำตัวเป็นเด็กดี ตั้งท่าถ่ายรูปอย่างดี อาหมอนับนิ้วมือได้ 6 นิ้ว เพราะอิงอุ่นเอามือไปไว้แถวๆหว่างขาพอดี เลยมีอะไรไม่รู้เกินมาให้นับอีกนิ้วนึ่ง อิอิ

หลังจากถ่ายรูปเสร็จ ป่าป๊ากะหม่าม๊าก็มาหาป้าหมอคนเดิม (โดยยังงงๆอยู่ว่าเมื่อกี้นี้ถ่ายภาพอะไรมาบ้าง)  ป้าหมอเลยอธิบายต่อเลยว่า ปัจจุบัน อายุหนูก็พร้อมออกมาดูโลกได้แล้วล่ะครับ ครบ 38 สัปดาห์ อวัยวะทุกส่วนอยู่ในสภาพปกติ ความดันในสายสะดือ ความดันเลือดในสมอง และจังหวะการเต้นของหัวใจเป็นปกติ (156 ครั้ง/นาที) หัวใจมี 4 ห้องชัดเจนกว่าที่ถ่ายรูปไปครั้งก่อน แต่ที่ทำให้หม่าม๊ากะป่าป๊าตกใจคือตอนนี้ อิงอุ่นหนัก 3.2 กก. (+/- 4 ขีด) เยอะที่เดียว ซึ่งป้าหมอบอกว่ามันไม่น่าลบหรอกน่าจะบวกอย่างเดียว นั้นหมายถึงตอนนี้อิงอุ่น น่าจะหนักประมาณ 3.2-3.5 แล้วล่ะครับ


วันนี้นอกจากการถ่ายรูปของอิงอุ่นแล้ว กิจวัตรประจำวันของการมาหาป้าหมอก็คือการชั้งน้ำหนัก ป๋าป๊ากะหม่าม๊ามาดูภาพรวมของน้ำหนักหม๊าม๊าตั้งแต่ 21 สัปดาห์จนถึงปัจจุบันกันไหมละครับ อิงอุ่นจะทำให้ดู ดูตามนี้เลยนะครับ เดียวหนูจะอธิบายให้ฟัง


ถ้าดูจากกราฟก็จะเห็นว่า ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 21 ( 5 พ.ค.53) เป็นต้นมาหม่าม๊าสามารถควบคุมน้ำหนักได้อย่างสมำเสมอเฉลี่ยน้ำหนักเพิ่มชึ้น 2 กก./4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นไปตามที่ป้าหมอต้องการทุกประการ นั้นทำให้ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมหนูถึงแข็งแรง เว้น 3 ครั้งที่แล้วนี้แหละ(22 ส.ค.53) ที่น้ำหนักหม่าม๊าขึ้นเร็วไปหน่อย ซึ่งก็อาจเป็นเพราะเปลี่ยนเวลามาเยี่ยมป้าหมอ แล้วหม่าม๊าก็เลยหิวแล้วก็เลยกินข้าวซะก่อนมาหาป้าหมอ แต่ต่อมาอีก 2 ครั้งน้ำหนักก็ลดลง เล่นทำเอาป้าหมอตกใจไปหมด แต่ป่าป๊าบอกว่า ไม่ต้องห่วงเพราะถ้าขีดเส้นต่อไปจะเห็นว่า ปัจจุบันผลการชั่งครั้งสุดท้าย น้ำหนักหม่าม๊ากลับมาอยู่ที่อัตราการเพิ่ม 2 กก./4สัปดาห์อีกแล้ว ป่าป๊าก็เลยบอกอิงอุ่นให้สบายใจได้ (แต่สงสัยหม่าม๊าจะแอบได้ยิน เย็นนี้หม่าม๊าเลยซัดข้าวขาหมูเข้าให้ อ้างว่าป้าหมอบอกว่าน้ำหนักลดลง แย่แล้ววววววว)

เอาละครับวันนี้แค่นี้ก่อน แล้วถ้ามีความคืบหน้า อิงอุ่นจะเขียนมาบอกป่าป๊ากะหม่าม๊าใหม่นะครับ หลับฝันดีนะครับป่าป๊ากะหม่าม๊า
วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ถึง ป่าป๊า กะ หม่าม๊า ครับผม
วันนี้ อิงอุ่น จะมาเล่าเรื่องการดูแลเลี้ยงดูอิงอุ่นของหม่าม๊าตอนนี้หนูยังอยู่ในท้องหม่าม๊าให้ฟังนะครับ เริ่มจากอะไรก่อนดีล่ะ....... อ้อ นึกออกแล้ว หม่าม๊าเริ่มรู้ว่าอิงอุ่นมาอยู่ในท้องหม่าม๊า เมื่อวันที่ 16 ม.ค.53 นะครับ วันนั้นป่าป๊ากำลังสอนอยู่ หม่าม๊าก็ให้พี่ๆ ไปตามป่าป๊ามาดูผลการทดสอบซึ่งทำให้หม่าม๊าปวดท้องมาหลายวัน ผลก็เป็นดังรูปนี้แหละครับ

หลังจากวันนี้หม่าม๊าก็เริ่มกินอาหารดี เพื่อให้อิงอุ่นแข็งแรง หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นพิษทั้งหลาย แม้ว่าจะเป็นของที่ถูกปากหม่าม๊าก็ตาม เพื่อป้องกันให้หนูปลอดภัย หม่าม๊าพาหนูไปฝากตัวที่ รพ.วิชัยยุทธ เนื่องจากเป็น รพ.ที่ใกล้ที่พักของป่าป๊ากะหม่าม๊าที่สุด แล้วนี้ก็เป็นรูปแรกที่ป้าหมอถ่่ายให้นะครับ


ดูเหมือนป้าหมอถ่ายไม่ค่อยเก่งเท่าไหร เห็นแต่ส่วนหัวใจเต็นกระดุกกระดิก อยู่อย่างเดียว ป่าป๊าถ่ายหม่าม๊าชูสองนิ้วแทนอิงอุ่นเพราะตอนนั้นอิงอุ่นยังไม่มีนิ้วให้ชู จากนั้นหม่าม๊าก็พาอิงอุ่นไปหาป้าหมอประมาณเดือนละ 1 ครั้ง หม่าม๊าโดนฉีดยาป้องกันบาดทะยักไป 2 เข็ม โดนเจาะเลือดไป 2 ครั้ง แล้วก็เจาะดูดน้ำคร่ำไปอีก 3 เข็ม (ในครั้งเดียว) อันนี้เป็นวีรกรรมของอิงอุ่นเอง คือว่า เย็นวันที่ 21 เม.ย.53 ตอนนั้นอิงอุ่นมีอายุ 19 สัปดาห์แล้ว หลังจากหม่าม๊าพาหนูไปถ่ายรูป ก็อยู่ๆมีเข็มอะไรไม่รู้แทงเข้ามาหนูก็เลยป้องกันตัวโดยไม่ให้เข็มเข้ามาได้ ก็ปรากฏว่าสำเร็จ เข็มหายไป จนมีเข็มเข้ามาอีกเป็นครั้งที่ 2  หนูพยายามหลบเพราะใกล้ตัวหนูมาก แต่ยังไม่โดนต้วหนูหรอกนะครับ แล้วครั้งที่สามก็เข้ามาพร้อมกับเสียงหม่าม๊าว่า "อิงอุ่นครับขอน้ำคร่ำให้ป้าหมอไปตรวจหน่อยนะครับ" อ้อ! ที่แหลมๆนี้จะมาเอาน้ำรอบๆตัวหนูเหรอก็ไม่บอก เอาไปเลยครับหนูมีเยอะแยะเลย เป็นอันว่าป้าหมอเจาะหม่าม๊าไป 3 เข็ม หม่าม๊าเจ็บมากหรือเปล่าครับ แต่วันนั้นหนูก็ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ เป็นรูปที่ป่าป๊าเห็นแล้วก็แปลกใจเพราะหนูมีอวัยวะครบหมดแล้วเพียงแต่ยังเล็กอยู่


รูปซ้ายมือเป็นรูปหนูตอนกำลังดูดนิ้ว ส่วนขวามือเป็นขา 2 ข้างครับ ดูออกหรือเปล่าเอย วันต่อมา ป้าหมอก็นั้นมาตรวจซ้ำเพื่อดูผลจากการเจาะว่าทำให้หนูไม่สบายหรือเปล่า ผลคือผมสบายดีครับ แต่ป้าหมอกลับบอกว่าน้ำคร่ำของผมน้อย ให้หม่าม๊าพักมากๆ ทำเอาหม่าม๊า เป็นกังวลไปหลายวัน แต่สัปดาห์ต่อมา ป้าหมอก็โทรมาบอกหม่าม๊าว่า ผลการตรวจโครโมโซมของหนูเป็น 46XY แปลว่าปกติ และเป็นเด็กผู้ชาย

หม่าม๊าดูจะเป็นกังวลกับอาการน้ำคร่ำน้อยของผมเป็นพิเศษจนต้องพากันไปตรวจซ้ำที่ รพ.พญาไท 2 ซึ่งไกลออกไปแต่หม่าม๊าบอกว่าพี่ๆของหนูหลายคนก็มาคลอดที่นี้ แล้วก็ปลอดภัยดี ที่นี้อิงอุ่นเจอป้าหมอคนใหม่ชื่อป้าหมออัฉราพร ที่ใจดีมากๆ แล้วก็ให้อิงอุ่นถ่ายรูปอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบว่าน้ำคร่ำน้อยหรือเปล่า ผลก็ปรากฏว่าไม่น้อยหรอกครับ ผมก็ว่าแล้วเพราะก็มีที่ให้ผมว่ายเล่นเยอะแยะเลยในนี้ (ตอนนั้นนะครับ ตอนนี้ชักที่น้อยแล้วครับหม่าม๊า) หม่าม๊าบอกว่า พนักงานที่นี่เขาดูแลหม่าม๊าดีกว่าที่เดิม ก่อนกลับหม่าม๊าก็ได้ CD บันทึกภาพหนูกลับบ้านด้วย (ที่เดิมไม่มีอะไรให้หม่าม๊าเลย) รู้สึกว่าหม่าม๊าจะชอบๆยังไงไม่รู้ เลยปรึกษาอิงอุ่นว่าจะย้ายให้หนูมาฝากตัวที่นี้ดีไหม หนูก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้วเพราะหนูไม่ได้ขับรถมาเอง ป่าป๊าขับให้ แล้วตอนจะมา หม่าม๊ากะป่าป๊าก็พามาอยู่แล้ว ก็เอาที่หม่าม๊าสะดวกแล้วกันครับ ว่าดังนั้น หม่าม๊าก็ไปสบคบคิดกับป่าป๊าว่าจะย้ายมายังไงดีหว่า แล้วก็ทำสำเร็จในที่สุด เป็นอันว่าหนูคงจะมาคลอดที่ รพ.พญาไท 2 นี้แล้วแหละ

การไปฝากตัวที่ รพ.ไม่ใช่ ภารกิจคุ้มครอง ป้องกัน เลี้ยงดู อิงอุ่น อย่างเดียวที่ป่าป๊ากะหม่าม๊าทำ ยังมีภารกิจอย่างอื่นเสริมอีกเช่น การไปฟังการบรรยายเกี่ยวกับการดูแลตัวน้อยอย่างหนูในท้อง อีก 2 ครั้งที่ รพ.รามาในช่วงวันอาทิตย์
แล้วก็ยังมีกิจกรรมปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ ในโครงการ "จิตประภัสสรตั้งแต่นอนอยู่ในครรภ์" ณ เสถียรธรรมสถาน ที่หม่าม๊าพาหนูไปอย่างสม่ำเสมอเดือนละ 1 ครั้งติดต่อกัน 3 เดือน ที่นี่มีกิจกรรมที่ให้กำลังใจคุณแม่ทั้งหลายในการตั้งครรภ์อย่างมั่นใจว่า ลูกที่เกิดมาจะสมบูรณ์และเป็นคนดีของสังคม กิจกรรมจะเริ่มโดยการฟังการบรรยายในช่วงเช้าพร้อมกับการจัดรายการวิทยุสาวิกา แล้วก็ต่อด้วยการฟังธรรมจากคุณยายแม่ชี แล้วก็พักทานข้าวเที่ยง ที่นี่อิงอุ่นได้ทานอาหารเจทุกครั้งเลยครับ พอทานเสร็จก็มานอนฟังเพลงพร้อมหม่าม๊า เป็นเสียงส้่นสะเทือนจาก คลิสตั้นโบล์ว ที่ใช่ประกอบการทำสมาธิของหม่าม๊า จากนั้นหม่าม๊าก็จะได้ดื่มน้ำที่ทำให้เกิดเสียงนั้น พอเสร็จแล้วคุณยายก็จะมาลูบท้องคนที่มาร่วมภาวนาที่ละคน อิงอุ่นก็ถูกลูบด้วยนะครับ ต่อด้วยการเดินทำสมาธิเป็นเวลา 15 นาที แล้วทุกครั้งก็จะปิดด้วยการบรรยายความรู้ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการคลอดและการดูแลหนูน้อย นับว่าเป็นกิจกรรมที่ดีและมีประโยชน์มากๆ ป่าป๊ากะหม่าม๊าก็ชอบหนูก็เลยชอบไปด้วย

 เอาละครับเป็นอันจบเรื่องราวเล็กๆน้อยๆ ของตัวน้อยอิงอุ่นที่ ป่าป๊ากะหม่าม๊าเอาใจใส่ดูแลหนูมาตลอดถึงแม้จะยังไม่ได้เห็นหน้าหรือได้ยินเสียงของหนูเลยก็ตาม แต่ทั้งสองท่านก็ดูแลหนูเป็นอย่างดี ไว้หนูออกมาเมื่อไหรก็อย่าเพิ่งทิ้งหนูน้อยอิงอุ่นคนนี้นะครับป่าป๊ากะหม่าม๊า
วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เรียน คุณลุง-ป้า-น้า-อา-ย่า-ยาย-ปู่-ตา ฯลฯ


วันนี้ผมจะมาเล่าที่มาของชื่อผมให้ ทุกๆท่านทราบนะครับ อันว่า "อิงอุ่น" มีที่มาจากวันที่ปาป๊า กะ หม่าม้า ได้พูดคุยกันและพยายามหาชื่อที่เหมาะสมและมีความหมายสำหรับผมที่กำลังจะเกิด มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ทั้งปาป๊า และหม่าม้า อยากจะให้ผมมีชื่อที่มีความหมายที่แสดงถึงส่วนหนึ่งของชีวิตปาป๊า และหม่าม้า เพราะในความเป็นจริงนั้น ผมกำลังจะมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของท่านทั้ง 2 จริงๆ

สิ่งแรกที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของทั้ง 2 คือชื่อ หม่าม้าก็เลย ปิ๊งไอเดีย เอาชื่อพ่อและแม่มารวมกัน พ่อชื่อ "ชาตรี" แม่ชื่อ "ณีราวรรณ" พอมารวมกัน เลยได้เป็น "ชาราวรรณ" อุ้ย! โหย่! โชคดีที่ ปาป๊าบอกว่าชื่อนี้ท่าจะไปไม่รอด เพราะ กลัวว่ายุคนี้ จะหาใครชื่อ ตะเภาแก้ว หรือ ตะเภาทอง มาเป็นแฟนให้ลูกในอนาคต คงหายาก เลยเอาเป็นว่าส่วนผสมของชื่อคงไม่เข้าท่าแน่

สุดท้ายก็ได้ส่วนหนึ่งในชีวิตของทั้ง ปาป๊าและหม่าม้า อีกสิ่งหนึ่งนั้นก็คือ อาชีพ ของ ปาป๊าและหม่าม้า จริงจริงแล้ว ปาป๊า และหม่าม้าก็เป็นทหารทั้งคู่ ผมน่าจะชื่อ "อาร์ม" หรือ "อามี่" อะไรทำนองนี้ แต่ ปาป๊ากลัวว่าชื่อจะไปซ้ำกับลูกเพื่อน พี่ น้อง ของคุณปาป๊าอีกเป็นร้อยๆคน เลยต้องมองหาสิ่งอื่นในอาชีพแทน ก็เลยบังเอิญพบว่า ปาป๊าเป็นทหาร แต่ก็เป็นทหารช่างด้วย ภาษาอังกฤษ ก็ใช้คำว่า Engineer เหมือนกับคำว่าวิศวกรเลย แล้วปาป๊าก็เป็นวิศวกรจริงๆซะด้วย เพราะเรียนจบวิศวะมาจริงๆ ส่วนหม่าม้านั้นนอกจากเป็นทหารแล้วก็เป็นครูสอนภาษาอังกฤษของกองทัพบกด้วย แปลเป็นภาษาอังกฤษ ก็คือ English Instructor

โดยบังเอิญ ที่ทั้งสองคำขึ้นต้นด้วย ENG จึงเป็นที่มาของชื่อพยางค์แรก "อิง" แต่ดูเหมือนว่าแปลเป็นไทยแล้ว คำว่า"อิง" เหมือนจะไม่เข้มแข็ง สมกับเป็นลูกผู้ชาย หม่าม้าเลยนึกถึงชื่อที่เคยพยายามจะตั้งให้หนูว่า "อบอุ่น" ซึงก็ดี แต่เวลาเรียกสั้นๆว่า น้องอบ น้องอบ ดูมันจะร้อนๆยังไงชอบกล ชื่อนี้เลยตกไปนานแล้ว แต่ก็ได้เป็นที่มาของพยางค์ท้ายที่นำมาประกอบเป็น "อิงอุ่น" แต๊นๆ ได้เป็นชื่อหนูเลย มีความหมายถึง การเป็นที่พึงพิงให้ผู้อื่นอบอุ่น

ปาป๊ากับหม่าม้าจึงให้ชื่อนี้แก่ผม ณ บัดนั้น เป็นต้นมา เป็นชื่อเล่นที่มี 2 พยางค์ ส่วนชื่อจริงนั้นปาป๊าว่าจะตั้งให้มีพยางค์เดียว คงจะแปลกหน้าดู แล้วเพื่อนๆหนูจะเรียนหนูชื่อจริงหรือชื่อเล่นละครับปาป๊าก็
เรียน ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ครับผม


      บทความนี้เป็นบทความแรกของ ผมซึ่งกำลังเริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับการ Post ข้อความบนโลกใบใหม่นี้ ซึ่งผมคงจะต้องมีเวลาอีกยาวนานในการเรียนรู้อะไรต่ออะไรอีกมากมาย

     แนะนำตัวนะครับ ผมชื่ออิงอุ่น ปัจจุบันยังอยู่ในท้อง หม่าม้า อยู่ ดูรูปกันสักหน่อยนะครับ





     รูปนี้ถ่ายตอน อายุ 30 สัปดาห์ ในท้องหม่าม้า นะครับ ปาป๊า บอกว่าผมหน้าเหมือนหม่าม้า ไม่รู้ว่าเหมือนหรือเปล่า แต่ไว้ดูเทียบกันตอนหนูออกมานะครับ

บทความที่ได้รับความนิยม


จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

ขับเคลื่อนโดย Blogger.