วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554
สวัสดีครับ ลุงป้าน้าอาพี่น้อง ป่าป๊าและหม่าม้า
ขอบคุณนะครับที่สอบถามอาการป่วยของอิงอุ่นอย่างต่อเนื่อง (เพราะอิงอุ่นดันไปเขียนไว้ตอนอายุเต็ม 4 เดือนว่าป่วยเป็นหวัด) ตอนนี้หายแล้วครับ แต่การเจ็บป่วยของอิงอุ่นครั้งนี้ก็ทำให้ ป่าป๊าและหม่าม๊ามีวรยุทธในการต่อสู้กับการดูแลเพิ่มมากขึ้นอีกหลายกระบวนท่าเลยครับ
วันนี้ผมขอเล่าเรื่องราวของการเจ็บป่วยครั้งแรก(ที่เกิดจากเจ้าเชื้อหวัด)ในชีวิตของผมดังนี้นะครับ
ปรากฏว่ามาถึงพยาบาลก็วัดไข้ก่อนเลย ผลคือไม่มีไข้ (อ้าวววว ป่าป๊ามั่ว) แล้วก็มารอเจอหมอ แต่... แย่แล้ว... พอเจอหมอ ป้าหมอก็ป่วยนี้น้า แล้วยังมาตรวจอิงอุ่นอีก จริงๆหม่าม้ากะว่าจะอุ้มอิงอุ่นออกมาเลยทันทีที่เห็นป้าหมอป่วยแต่เกรงใจเลยปล่อยให้ตรวจ (ระหว่างตรวจป่าหมอก็ไม่คาด Mask ด้วย) กลายเป็นว่า พอหาหมอเสร็จ ป่าป๊ากะหม่าม้า กลับมากลุ้มใจมากกว่าเดิมว่าอิงอุ่นจะไปรับเชื้ออะไรมาเพิ่มอีกหรือปล่าวเนี้ย
แต่ก็ได้ยามาทานนะครับ 2 อย่าง คือ Miotin (ยาแก้อักเสบ) กับ Rhinathiol (ยาแก้ไอ) : Miotin ป้าหมอให้ทาน วันละ 3 ครั้งๆ ละ 3 ซีซี 7 วันแล้วโยนทิ้งไปเลย ส่วน Rhinathiol วันละ 3 ครั้งๆละ 3 ซีซีเหมือนกันจนกว่าจะหาย ปรากฏว่ามีปัญหาจากความเข้าใจผิดของป่าป๊าเกี่ยวกับ Miotin ดังนี้ครับ
เภสัชกรเขาเขียนที่ข้างขวดยามาว่า "ให้เติมน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วให้ถึงขีดแล้วเขย่าให้ละลาย" ป่าป๊าเลยเติมน้ำถึงขีดแล้ว เขย่าปรากฏว่าพอยาละลาย น้ำยาก็ลดลงมาไม่ถึงขีด ป่าป๊าก็สงสัยอยู่แต่อ่านแล้วก็ป่าป๊าก็เลยใช้ป้อนอิงอุ่นเลย ป้อนไป 2 วัน ( 5 ครั้ง) ป่าป๊าเริ่มสังเกตว่ายามันไม่น่าจะพอกินได้ 7 วันตามหมอสั่ง เลยมาอ่านภาษาอังกฤษข้างขวดแทน ถึงรู้ว่าให้ผสมจนกว่าจะถึงขีดนี้เพื่อให้ได้ 60 ซีซี อ้าววววว แล้วทำไมภาษาไทยเขียนแบบนี้ละครับ ป่าป้าเลยหยุดยาก่อนแล้วก็ไปซื้อขวดใหม่มาผสมใหม่
หลังจากผ่านไป 2 วัน อาการอิงอุ่น ไม่ดีขึ้นแถมน้ำมูกมากจนหายใจไม่ออกสะดุ้งตื่นกลางดึกอีกวันที่ 2 ม.ค.54 อิงอุ่นเลยไปหาหมออีกรอบคราวนี้ไป รพ.พญาไท 2 เจ้าเก่าเลยครับ พอดีเจอป้าหมอขจรศรี ใจดีคนเดิมพอดี อิงอุ่นเลยมายิ้มให้ป้าหมอหวานๆ ก่อนให้ป้าหมอใจดีตรวจ
กระบวนท่าแรกที่ ป้าหมอถ่ายทอดให้หม่าม้าคือ "ลูกยางแดงดูดน้ำมูกจอมรำคาญ" ป้าหมอก็เอาลูกยางมาดูดน้ำมูกออกมาเป็นสีเขียวอี๋ๆๆๆๆ ซึ่งป้าหมอบอกว่าแสดงว่าเชื้อที่ทำให้มีน้ำมูกยังไม่หมด ส่วนอาการไอก็ยืนยันว่าคอยังแดงอยู่มาก เลยให้กินยาต่อ แต่ไหนเอายามาดูซิ พอเห็นยาป่าหมอก็ตกใจ แทบลมใส่ "..ทำไมให้น้องทานตั้งอย่างละ 3 ซีซีเลยเหรอค่ะ ถึงจะหนัก 7 โลกว่าตัวโตเท่าเด็ก 7 เดือน ก็ยังเป็นเด็ก 4 เดือนนะคะ ลดเลย ลดเลย เอาไปอย่างละ 1.5 ซีซีพอ.." อ้าววววว แล้วป่าป๊าจะไปรู้กะหมอไหมเนี้ย (เครื่องหมาย ? ผลุดมาเต็มหัวป่าป๊าเลยแล้วที่กินไปแล้วจะเป็นอะไรไหมเนี้ย)
5 วันต่อมาวันที่ 7 ม.ค.54 ครบ 7 วันที่กิน Miotin มา อาการอิงอุ่นยังไม่ดีขึ้น ระหว่างนี้ อิงอุ่นโดนป่าป๊าบ้างหม่าม้าบ้างให้กระบวกท่าลูกยากดูดจมูกทุกวัน (ร้องไห้ทุกวันเหมือนกัน) ป้าหมอขจรศรีดูอาการแล้วก็บอกว่า ครบ 7 วันแล้ว Miotin ต้องหยุดแล้ว แต่ไม่ดีขึ้นสงสัยไม่ถูกกะยา เอายาใหม่ไปเลย ชื่อว่า OMNICEF เอาไปกินอีก 7 วันๆ ละ 1 ครั้ง ๆ 2.5 CC ก่อนกินให้ผสมน้ำเหมือนกัน (เอาอีกแล้ว ป่าป๊านึกในใจ) แต่พอไปรับยาปรากฏว่าที่ รพ.นี้เขาบอกว่ายาผสมน้ำให้แล้วไม่ต้องไปผสมอีก อ้าวววว ดีจัง แล้วทำไม ไม่ทำให้เหมือนกันทุก รพ.ละ ไม่งั้นคราวที่แล้วป่าป๊าไม่งงหลอก แต่ก็ยังไม่มีเอกสารกำกับยามาให้อยู่ดี
เจ้ายาตัวใหม่นี้กินยากเอาการเลยครับผม เพราะจะไปทำปฏิกิริยากับธาตุเหล็กในนม เลยให้กินก่อนอาหาร 1 ชม.หรือหลังอาหาร 2 ชม. นี้แหละครับที่ยากเพราะตอนนี้ไม่มีมื้อไหนเลยที่อิงอุ่นสามารถเว้นระยะห่างระหว่างมื้อนมได้ 3 ชม. ป่าป๊านอนกลุ้มใจไปวันนึ่งเลยตกลงใจว่าเอามื้อเช้าตอนตื้นนอนนี้แหละเพราะตอนนี้อิงอุ่นจะตื้นมากินนมตอนตี 3 แล้ว 6 โมงจะตื้น เอาเป็น 6 โมงป้อนยาซะเลย แล้ว พาอิงอุ่นเล่นให้ลืมๆ นมไปก่อนรอให้ 7 โมงค่อยกิน เท่านี้ป่าป๊าก็หลอกอิงอุ่นกินยามาได้จนครบ 7 วันเลยครับ
มาหาป้าหมออีกที่วันที่ 15 ม.ค.54 อิงอุ่นแทบไม่มีน้ำมูกแล้ว ไอก็นานๆที่ ป้าหมอก็เลยบอกว่า OMNICEF ให้หยุดได้แล้ว(เย้ ป่าป๊าท่าจะดีใจเป็นพิเศษ เพราะยากลำบากกับการป้อนยาตัวนี้จริงๆ) แต่ยาแก้ไอให้กินต่อจนกว่าจะหมดอาการ พอดียาแก้ไอเดิมก็หมดไปแล้วแต่ป่าป๊าไปซื้อยาใหม่มา เป็นCISTEINE ป้าหมอบอกใช้แทน Rhinathiol ได้เพราะเป็นตัวยาเดียวกันความเข้มข้นเท่ากัน ต่างที่ยี่ห้อเท่านั้น (เหมือน ไทลินอล กับ ซาร่า ครับผม)
สุดท้ายกว่าจะหายอิงอุ่นก็อยู่กับเชื้อหวัดตัวร้ายนี้กว่า ครึ่งเดือนเลยครับ ตลอด 2 สัปดาห์กว่านี้อิงอุ่นอดอาบน้ำเลย ต้องมาเช็ดตัวกันทุกวันโดยป่าป๊าเป็นคนทำให้ครับ ลองดูภาพคนป่วยถูกเช็ดตัวนะครับ (น่ารักไหมเอย)
สรุป อิงอุ่นก็ผ่านประสบการณ์การเป็นหวัดครั้งแรกในชีวิตมาได้ แม้จะเป็นหวัดตลอดเวลาที่เป็น อิงอุ่นก็ร่าเริงเหมือนเช่นทุกวัน พัฒนาการก็ไม่ได้หยุดชะงักลงแต่ประการใด เพราะมี คุณยาย ป่าป๊าและหม่าม้าคอยดูแลเป็นอย่างดี ขอบคุณทุกคนที่เอาใจใส่จนผมหายเป็นปกตินะครับ แต่ป่าป๊าบอกว่าหายเมื่อไหรจะต้องโดนฉีดวัคซีนนี้ซิ น่ากลัวจังเลยยยยยย
ขอบคุณนะครับที่สอบถามอาการป่วยของอิงอุ่นอย่างต่อเนื่อง (เพราะอิงอุ่นดันไปเขียนไว้ตอนอายุเต็ม 4 เดือนว่าป่วยเป็นหวัด) ตอนนี้หายแล้วครับ แต่การเจ็บป่วยของอิงอุ่นครั้งนี้ก็ทำให้ ป่าป๊าและหม่าม๊ามีวรยุทธในการต่อสู้กับการดูแลเพิ่มมากขึ้นอีกหลายกระบวนท่าเลยครับ
วันนี้ผมขอเล่าเรื่องราวของการเจ็บป่วยครั้งแรก(ที่เกิดจากเจ้าเชื้อหวัด)ในชีวิตของผมดังนี้นะครับ
สาเหตุ
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เจ้าเชื่อหวัดเข้ามาทำร้ายผมได้คงเนื่องจากช่วยปลายปีเป็นช่วยที่อากาศเปลี่ยนแปลงนะครับอย่างที่ทุกคนรู้ เชื้อหวัดก็แพร่กระจายไปทั่วอยู่แล้ว ประกอบกับช่วยปีใหม่ป่าป๊ากะหม่าม้าก็เริ่มเห็นว่าผมตัวโตขึ้น(โตกว่าเด็ก 4 เดือนทั่วไป) ก็เลยคิดว่าแข็งแรงแล้ว (ลืมนึกไปว่าโตยังไงผมก็ 4 เดือนอยู่ดี) เลยพาไปเที่ยวด้วยซะหลายทีทั้ง Central ลาดพร้าว, เมืองทองธานี, งานเลี้ยงปีใหม่ที่ทำงานหม่าม้า ฯลฯ สุดท้ายอิงอุ่นก็ป่วย ไม่รู้ว่าไปรับมาจากงานไหน เพราะไปที่ไหน แก้มยุ้ยๆ ของอิงอุ่นก็ดึงดูดใจให้คนที่หม่าม้ากะป่าป๊ารู้จักให้เข้ามาหอมทุกทีไป เชื้อหวัดเลยเข้ามาทางแก้มผมแน่ๆเลยครับอาการ
จริงๆอาการของอิงอุ่นในทัศนะของผมก็ไม่ค่อยร้ายแรงอะไรนะครับ แต่ป่าป๊ากะหม่าม้าซิท่าจะป่วยมากกว่าที่ผมเป็นอีก คืนวันที่ 30 ม.ค.53 อิงอุ่นเริ่มมีอาการตัวร้อน (ป่าป๊าบอก) หายใจไม่สะดวก (หม่าม้าบอก) แล้วก็ไอด้วย(ยายบอก)การรักษา
พอตื่นเช้าวันที่ 31 ม.ค.53 ก็เลยวิ่งไปหาป้าหมอกัน แต่มันเป็นวันหยุดครับ หม่าม้าเช็คป้าหมอขจรศรี ที่เคยดูแลอิงอุ่นมาตลอดปรากฏว่าหยุดปีใหม่ไปแล้วจะมาอีกทีก็ 3 ม.ค.54 โน้นเลย อีกตั้งหลายวัน หม่าม้าเห็นที่ไม่ดีเลยไปหา คุณหมอที่อยู่ รพ.ใกล้บ้านก่อนดีกว่าปรากฏว่ามาถึงพยาบาลก็วัดไข้ก่อนเลย ผลคือไม่มีไข้ (อ้าวววว ป่าป๊ามั่ว) แล้วก็มารอเจอหมอ แต่... แย่แล้ว... พอเจอหมอ ป้าหมอก็ป่วยนี้น้า แล้วยังมาตรวจอิงอุ่นอีก จริงๆหม่าม้ากะว่าจะอุ้มอิงอุ่นออกมาเลยทันทีที่เห็นป้าหมอป่วยแต่เกรงใจเลยปล่อยให้ตรวจ (ระหว่างตรวจป่าหมอก็ไม่คาด Mask ด้วย) กลายเป็นว่า พอหาหมอเสร็จ ป่าป๊ากะหม่าม้า กลับมากลุ้มใจมากกว่าเดิมว่าอิงอุ่นจะไปรับเชื้ออะไรมาเพิ่มอีกหรือปล่าวเนี้ย
แต่ก็ได้ยามาทานนะครับ 2 อย่าง คือ Miotin (ยาแก้อักเสบ) กับ Rhinathiol (ยาแก้ไอ) : Miotin ป้าหมอให้ทาน วันละ 3 ครั้งๆ ละ 3 ซีซี 7 วันแล้วโยนทิ้งไปเลย ส่วน Rhinathiol วันละ 3 ครั้งๆละ 3 ซีซีเหมือนกันจนกว่าจะหาย ปรากฏว่ามีปัญหาจากความเข้าใจผิดของป่าป๊าเกี่ยวกับ Miotin ดังนี้ครับ
เภสัชกรเขาเขียนที่ข้างขวดยามาว่า "ให้เติมน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วให้ถึงขีดแล้วเขย่าให้ละลาย" ป่าป๊าเลยเติมน้ำถึงขีดแล้ว เขย่าปรากฏว่าพอยาละลาย น้ำยาก็ลดลงมาไม่ถึงขีด ป่าป๊าก็สงสัยอยู่แต่อ่านแล้วก็ป่าป๊าก็เลยใช้ป้อนอิงอุ่นเลย ป้อนไป 2 วัน ( 5 ครั้ง) ป่าป๊าเริ่มสังเกตว่ายามันไม่น่าจะพอกินได้ 7 วันตามหมอสั่ง เลยมาอ่านภาษาอังกฤษข้างขวดแทน ถึงรู้ว่าให้ผสมจนกว่าจะถึงขีดนี้เพื่อให้ได้ 60 ซีซี อ้าววววว แล้วทำไมภาษาไทยเขียนแบบนี้ละครับ ป่าป้าเลยหยุดยาก่อนแล้วก็ไปซื้อขวดใหม่มาผสมใหม่
...นี้เป็นข้อควรระวังอย่างนึงครับ เพราะยาที่ได้จาก รพ. ไม่เคยมีเอกสารกำกับยาแนบมาด้วย ทำให้ข้อมูลของยาที่สำคัญบางอย่าง คนไข้ก็ไม่ทราบ จะทราบได้ก็จากการบอกผ่านมาทางผู้จ่ายยา บางที ยาก็เยอะคนรับยาก็จำได้ไม่หมดก็มี ยิ่งยาเด็กยิ่งอันตรายมากๆ...
หลังจากผ่านไป 2 วัน อาการอิงอุ่น ไม่ดีขึ้นแถมน้ำมูกมากจนหายใจไม่ออกสะดุ้งตื่นกลางดึกอีกวันที่ 2 ม.ค.54 อิงอุ่นเลยไปหาหมออีกรอบคราวนี้ไป รพ.พญาไท 2 เจ้าเก่าเลยครับ พอดีเจอป้าหมอขจรศรี ใจดีคนเดิมพอดี อิงอุ่นเลยมายิ้มให้ป้าหมอหวานๆ ก่อนให้ป้าหมอใจดีตรวจ
กระบวนท่าแรกที่ ป้าหมอถ่ายทอดให้หม่าม้าคือ "ลูกยางแดงดูดน้ำมูกจอมรำคาญ" ป้าหมอก็เอาลูกยางมาดูดน้ำมูกออกมาเป็นสีเขียวอี๋ๆๆๆๆ ซึ่งป้าหมอบอกว่าแสดงว่าเชื้อที่ทำให้มีน้ำมูกยังไม่หมด ส่วนอาการไอก็ยืนยันว่าคอยังแดงอยู่มาก เลยให้กินยาต่อ แต่ไหนเอายามาดูซิ พอเห็นยาป่าหมอก็ตกใจ แทบลมใส่ "..ทำไมให้น้องทานตั้งอย่างละ 3 ซีซีเลยเหรอค่ะ ถึงจะหนัก 7 โลกว่าตัวโตเท่าเด็ก 7 เดือน ก็ยังเป็นเด็ก 4 เดือนนะคะ ลดเลย ลดเลย เอาไปอย่างละ 1.5 ซีซีพอ.." อ้าววววว แล้วป่าป๊าจะไปรู้กะหมอไหมเนี้ย (เครื่องหมาย ? ผลุดมาเต็มหัวป่าป๊าเลยแล้วที่กินไปแล้วจะเป็นอะไรไหมเนี้ย)
5 วันต่อมาวันที่ 7 ม.ค.54 ครบ 7 วันที่กิน Miotin มา อาการอิงอุ่นยังไม่ดีขึ้น ระหว่างนี้ อิงอุ่นโดนป่าป๊าบ้างหม่าม้าบ้างให้กระบวกท่าลูกยากดูดจมูกทุกวัน (ร้องไห้ทุกวันเหมือนกัน) ป้าหมอขจรศรีดูอาการแล้วก็บอกว่า ครบ 7 วันแล้ว Miotin ต้องหยุดแล้ว แต่ไม่ดีขึ้นสงสัยไม่ถูกกะยา เอายาใหม่ไปเลย ชื่อว่า OMNICEF เอาไปกินอีก 7 วันๆ ละ 1 ครั้ง ๆ 2.5 CC ก่อนกินให้ผสมน้ำเหมือนกัน (เอาอีกแล้ว ป่าป๊านึกในใจ) แต่พอไปรับยาปรากฏว่าที่ รพ.นี้เขาบอกว่ายาผสมน้ำให้แล้วไม่ต้องไปผสมอีก อ้าวววว ดีจัง แล้วทำไม ไม่ทำให้เหมือนกันทุก รพ.ละ ไม่งั้นคราวที่แล้วป่าป๊าไม่งงหลอก แต่ก็ยังไม่มีเอกสารกำกับยามาให้อยู่ดี
เจ้ายาตัวใหม่นี้กินยากเอาการเลยครับผม เพราะจะไปทำปฏิกิริยากับธาตุเหล็กในนม เลยให้กินก่อนอาหาร 1 ชม.หรือหลังอาหาร 2 ชม. นี้แหละครับที่ยากเพราะตอนนี้ไม่มีมื้อไหนเลยที่อิงอุ่นสามารถเว้นระยะห่างระหว่างมื้อนมได้ 3 ชม. ป่าป๊านอนกลุ้มใจไปวันนึ่งเลยตกลงใจว่าเอามื้อเช้าตอนตื้นนอนนี้แหละเพราะตอนนี้อิงอุ่นจะตื้นมากินนมตอนตี 3 แล้ว 6 โมงจะตื้น เอาเป็น 6 โมงป้อนยาซะเลย แล้ว พาอิงอุ่นเล่นให้ลืมๆ นมไปก่อนรอให้ 7 โมงค่อยกิน เท่านี้ป่าป๊าก็หลอกอิงอุ่นกินยามาได้จนครบ 7 วันเลยครับ
มาหาป้าหมออีกที่วันที่ 15 ม.ค.54 อิงอุ่นแทบไม่มีน้ำมูกแล้ว ไอก็นานๆที่ ป้าหมอก็เลยบอกว่า OMNICEF ให้หยุดได้แล้ว(เย้ ป่าป๊าท่าจะดีใจเป็นพิเศษ เพราะยากลำบากกับการป้อนยาตัวนี้จริงๆ) แต่ยาแก้ไอให้กินต่อจนกว่าจะหมดอาการ พอดียาแก้ไอเดิมก็หมดไปแล้วแต่ป่าป๊าไปซื้อยาใหม่มา เป็นCISTEINE ป้าหมอบอกใช้แทน Rhinathiol ได้เพราะเป็นตัวยาเดียวกันความเข้มข้นเท่ากัน ต่างที่ยี่ห้อเท่านั้น (เหมือน ไทลินอล กับ ซาร่า ครับผม)
สุดท้ายกว่าจะหายอิงอุ่นก็อยู่กับเชื้อหวัดตัวร้ายนี้กว่า ครึ่งเดือนเลยครับ ตลอด 2 สัปดาห์กว่านี้อิงอุ่นอดอาบน้ำเลย ต้องมาเช็ดตัวกันทุกวันโดยป่าป๊าเป็นคนทำให้ครับ ลองดูภาพคนป่วยถูกเช็ดตัวนะครับ (น่ารักไหมเอย)
สรุป อิงอุ่นก็ผ่านประสบการณ์การเป็นหวัดครั้งแรกในชีวิตมาได้ แม้จะเป็นหวัดตลอดเวลาที่เป็น อิงอุ่นก็ร่าเริงเหมือนเช่นทุกวัน พัฒนาการก็ไม่ได้หยุดชะงักลงแต่ประการใด เพราะมี คุณยาย ป่าป๊าและหม่าม้าคอยดูแลเป็นอย่างดี ขอบคุณทุกคนที่เอาใจใส่จนผมหายเป็นปกตินะครับ แต่ป่าป๊าบอกว่าหายเมื่อไหรจะต้องโดนฉีดวัคซีนนี้ซิ น่ากลัวจังเลยยยยยย
น้ำหนักชั่งเมื่อ 16 ม.ค.54 : 7740 g ยังพุ่งเลยเกณฑ์อย่างต่อเนื่องครับผม (แม้จะป่วยก็ตาม) :P |
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น
(Atom)
บทความที่ได้รับความนิยม
-
เรียน คุณลุง-ป้า-น้า-อา-ย่า-ยาย-ปู่-ตา ฯลฯ วันนี้ผมจะมาเล่าที่มาของชื่อผมให้ ทุกๆท่านทราบนะครับ อันว่า "อิงอุ่น" มีที่มาจากวันท...
-
วันนี้อิงอุ่นจะมาเล่าต่อ ถึงคำทำนายของชื่อ ณชยศนันม์ นะครับ อย่างที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้ว ชื่อ ณชยศนันม์ เกิดจากอักษร 3 ตัวในชื่อ+นามสกุลขอ...
-
ถึงป่าป๊า กะ หม่าม้า เป็นอันว่าอิงอุ่นได้ผ่านเดือนที่ 2 ไปด้วยดีแล้วนะครับ เพื่อเป็นการทบทวนความจำวันนี้หนูจะมาเล่าเหตุการณ์สำคัญในห้วง...
-
สวัสดีครับ ลุงป้าน้าอาพี่น้อง ป่าป๊าและหม่าม้า ขอบคุณนะครับที่สอบถามอาการป่วยของอิงอุ่นอย่างต่อเนื่อง (เพราะอิงอุ่นดันไปเขียนไว้ตอนอายุ...
-
ผ่านไปอีกเดือนนึงแล้วครับ 6 เม.ย.55 ที่ผ่านมาอิงอุ่นก็ครบรอบ 1 ขวบ 7 เดือนเป็นที่เรียบร้อย ขอบคุณ ลุง ป้า น้า อา และพี่ๆน้องๆ ที่ติดตามอิงอุ...
-
เช้าวันพุธที่ 1 ส.ค.55 หม่าม๊ามีต้องไปซ้อมเป็นประชาสัมพันธ์เนื่องในวันสถาปนาหน่วย 6 ส.ค. ที่จะถึงนี้ แต่เมื่อตื่นขึ้นมาได้ยินป่...
Blog Archive
-
►
2012
(15)
- ► กุมภาพันธ์ (2)
-
▼
2011
(23)
- ► กุมภาพันธ์ (1)
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
เย้ เข้ามาอ่าน เป็นคนที่ 1919 เลขสวย ๆ ตอนนี้น้องอิงอุ่นหายป่วยแล้ว
ตอบลบป่าป๊ากับหม่าม๊าดีใจมาก ๆ เลย เพราะถึงน้องอิงอุ่นจะป่วย
แต่ก็ไม่โยเยเลย ทานยาก็ง่าย ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
แต่ป่าป๊ากับหม่าม๊าก็ไม่อยากให้หนูป่วยเลยจ้ะลูก ลูกป่วยทีนึง
คนเป็นพ่อแม่ ถ้าเลือกได้ก็อยากป่วยแทนลูกมากกว่า
น้องอิงอุ่นอย่าลืมสโลแกนประจำตัวน๊าครับ "ยิ่งโตยิ่งดี"
รักนะครับ จุ๊บ ๆ